ปากเพียวนิวส์ | Pakphriao News ข่าวสดออนไลน์

สระบุรี – นางพยาบาล ผูกคอตายมีเงื่อนงำ

สระบุรี – นางพยาบาล ผูกคอตายมีเงื่อนงำ

สระบุรี – นางพยาบาล ผูกคอตายมีเงื่อนงำจึงได้ไปตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย แพทย์เวร รพ.สระบุรี พบ รอยเชือกรัดที่คอจนช้ำ หน้าผากข้างซ้ายโนและแตก เลือดไหลไม่มากนัก จึงต้องส่งศพไปชันสูตร

วันที่ 29 ส.ค.63. เวลาประมาณ 8.30 น. พ.ต.ท.ภัฏ ผดุงรัตน์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี ได้รับแจ้งว่ามี คนผูกตาย อยู่ที่บ้านเลขที่ 6/4 ถ.พหลโยธิน ซอย23 แยก 1 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี จึงได้ไปตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย แพทย์เวร รพ.สระบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างสระบุรี

เป็นบ้าน 2 ชั้น บริเวณหน้ามีกระป๋องสีกองเต็มไปหมด มีรถปิกอัพ 1 คัน เอาไว้สำหรับขนของ และรถเก๋งอีก 1 คัน จอดอยู่ภายในบ้าน ถัดมาพบ ผู้เสียชีวิตที่ผูกคอตายนอนอยู่ที่พื้นใกล้กับรถเก๋ง ได้มี นาย เอกพัฒน์ คันธาวัฒน์ (สามี) ได้นำร่างลงมานอนที่พื้นก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง สภาพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ขายาว นาฬิกา 1 เรือน , แหวน 1 วง และยังพบ ถุงเสื้อผ้า 2-3 ถุง วางกองอยู่หน้าประตูบ้าน มีเศษขยะตกเกลื่อนข้างผู้เสียชีวิต และข้างๆยังมีเชือกไนร่อนเหนียวขนาดใหญ่เบอร์ 20 ยาวประมาณ 10 เมตรกว่าๆ ผูกห้อยอยู่กับขื่อหลังคาโรงรถ

ทราบชื่อผู้เสียชีวิต น.ส.ธิดาเดือน รุ่งแสง อายุ 42 ปี แพทย์จึงได้ชันสูตรพลิกศพ พบ รอยเชือกรัดที่คอจนช้ำ หน้าผากข้างซ้ายโนและแตก เลือดไหลไม่มากนัก จึงต้องส่งศพไปชันสูตร ที่ โรงพยาบาลสมเด็จพระเทพ อ.องครักษ์ จ.นครนายก ก่อนจะลงความเห็นว่าเกิดจากอะไรกันแน่

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ นาย เอกพัฒน์ คันธาวัฒน์ อายุ 48 ปี (สามีของผู้ตาย) เล่าว่า ตนเองมีอาชีพรับเหมาทาสี มีภรรยา 2 คน คนแรกชื่อ นาง ธวัลรัตน์ คันธาวัฒน์ อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นภรรยาหลวง อยู่กับตนที่บ้านหลังดังกล่าว และคนที่สอง น.ส.ธิดาเดือน รุ่งแสง อายุ 42 ปี (เป็นภรรยาน้อย) ไม่ได้ทำงาน มีลูกด้วยกัน 1 คน เป็นผู้หญิง อายุ 3 ปี ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวานนี้ วันที่ 28 ส.ค. ตนเองได้ไปที่บ้านของผู้ตายและเกิดมีปากเสียงกันเรื่องลูก ตนจึงได้เอาลูกสาว อายุ 3 ปี กลับมาอยู่กับตนที่บ้าน จนเวลาประมาณ 01.00 น. ผู้ตายได้ตามมาที่บ้านของตนและเปิดประตูรั้วบ้านเข้ามาอยู่ข้างในบ้าน แต่ไม่รู้ว่ามารถอะไร และตะโกนเรียกให้เปิดประตูบ้าน แต่ตนเองไม่เปิดให้กลัวว่าจะทะเลาะกัน

เนื่องจากว่า ตนเองไปเอาลูกสาวมาและผู้ตายน่าจะมาขอลูกสาวคืน จนผู้ตายโวยวายไปพักใหญ่ และมีเสียงดังกุกๆกักๆ แล้วเสียงก็เงียบหายไป ตนเองก็ไม่ได้สนใจ และไม่ได้เปิดประตูออกมาดู นึกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนรุ่งเช้าประมาณ 7.30 น. นาง ธวัลรัตน์ คันธาวัฒน์ อายุ 37 ปี (ซึ่งเป็นภรรยาหลวงของตน) ได้เปิดประตูบ้านออกมา ก็ตกใจ เห็นผู้ตายได้ผูกคอห้อยโตงเตงอยู่กับขื่อหลังคาโรงรถข้างเสาหน้าบ้าน จึงได้วิ่งเข้าไปเรียกให้ตนออกมาดู ก็พบผู้ตายผูกคอเสียชีวิตแล้ว ขณะนั้นได้มีคนรู้จักมาหาพอดี เห็นเหตุการณ์จึงได้ช่วยกันนำร่างของผู้ตายลงมานอนที่พื้น ผู้ตายน่าจะน้อยใจที่ทะเลาะกับตนเอง และตนได้เอาลูกมา ผู้ตายจึงได้ตัดสินใจผูกคอตาย ด้วยความน้อยใจ ตนจึงรีบโทรแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบในที่เกิดเหตุดังกล่าว

ในขณะนั้นได้มี พี่สาว นาง สุดารัตน์ รุ่งแสง อายุ 48 ปี (พี่สาวผู้ตาย) พร้อม นาย ปัณพัฒน์ พรานธนงค์ อายุ 49 ปี (พี่เขย) ได้เดินทางมาดูศพในที่เกิดเหตุ ได้เข้าไปกอดร่างที่ไร้วิญญาณของน้องสาว เสียใจร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่ และได้เห็นหน้าผากของน้องสาวมีอาการโนและแตก มีเลือดไหลนิดๆ จึงได้ถาม นาย เอกพัฒน์ คันธาวัฒน์ (สามีผู้ตาย) ว่า ทำมี่หัวมีรอยแตกและเลือดออก นาย เอกพัฒน์ ได้บอกว่าไม่รู้ และยังได้ถามอีกว่า อ่าว ไม่รู้ได้ไงเพราะอยู่ด้วยกันในที่เกิดเหตุ นาย เอกพัฒน์ ก็ไม่ได้ตอบอะไร นางสุดารัตน์ (พี่สาว) สงสัยในการตายของน้องสาว จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าการตายเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่

ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่ปักใจเชื่อคำพูดของ นาย เอกพัฒน์ คันธาวัฒน์ (ผู้เป็นสามีของผู้ตาย) ในการให้ปากคำไม่ตรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เช่น การผูกคอตาย เป็นเชือกไนร่อนเหนียวขนาดใหญ่ เบอร์ 20 ธรรมดาถ้าคนผูกคอตายจะไม่ใช้เชือกใหญ่ เพราะมันผูกเป็นเงื่อนไม่ได้ ถ้าตายแล้วลิ้นจะต้องจุกปาก และยังนำศพลงมาก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึง ยังพบ บาดแผลที่บริเวณหน้าผากมีเลือกไหลออกมาเล็กน้อย และยังบอกว่าไปหาผู้ตายที่แก่งคอย เพื่อเอาลูกสาวมาอยู่ด้วย แต่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่า ไปทะเลาะกันอยู่ที่บ้านของผู้ตาย ถ.เทศบาล 2 ชุมชนเสือขบ อ.เมือง และยังบอกอีกว่า ผู้ตายไม่มีงานทำ แต่ทางพี่สาวบอกว่า ผู้ตายเป็นนางพยาบาลอยู่ที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี

ขณะนี้ได้ลาเนื่องจากเกิดอุบัติเหตุขาหัก และที่โรงรถยังมีกล้องวงจรปิดแต่ว่า นาย เอกพัฒน์ บอกเสียใช้ไม่ได้ และยังพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ซูซูกิ ชูสเตอร์ สีดำแดง ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนติดที่รถ แต่ได้เปิดใต้เบาะรถดูพบ ป้าย พ.ร.บ. หมายเลขทะเบียนรถ 1 กง 539 สระบุรี ลักษณะน่าจะมีคนจูงออกมาไว้หน้าบ้าน หันหัวรถออกไปทางถนน
พ.ต.ท.ภัฏ ผดุงรัตน์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสระบุรี จึงได้ให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานสระบุรี มาตรวจดีเอ็นเอของผู้ตาย และของในที่เกิดเหตุทั้งหมด เพื่อหาหลักฐานการเสียชีวิตของ น.ส.ธิดาเดือน รุ่งแสง ว่าเสียชีวิตก่อนแล้วจึงได้นำศพไปผูกคอเพื่ออำพลางคดี ระหว่างนี้ต้องรอผลชันสูตรของผู้ตายก่อนว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่ต่อไป

หน้าแรก 

ติดตามข่าวทาง

Facebookhttps://www.facebook.com/PAKPHRIAONE

Exit mobile version