24 ธันวาคม 2024

ปากเพียวนิวส์ | Pakphriao News ข่าวสดออนไลน์

ปากเพียวนิวส์ Pakphriao News ข่าวสด ออนไลน์ ข่าวด่วน ข่าวล่าสุด การเมือง เศรษฐกิจ ผลบอล ตรวจหวย สลากกินแบ่งรัฐบาล เลขเด็ด ดูดวง ข่าวบันเทิง ดารา ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ เกม

กระทรวงการคลัง

กระทรวงการคลัง

คลังถังแตก เงินเกือบเกลี้ยง รายได้หดขอกู้ชนเพดาน 6.3 แสนล้าน

เงินคงคลังใกล้หมด คลังขอกู้ชนเพดาน 6.3 แสนล้าน โปะรายได้ปีนี้หาย 3 แสนล้าน ดันหนี้ต่อจีดีพีชน 58% ออกพันธบัตรออมทรัพย์ เดือน ก.ย.


เมื่อวันที่ 20 ส.ค. นางแพตริเซีย มงคลวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ได้เห็นชอบปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 ครั้งที่ 2 โดยให้กระทรวงการคลังกู้เงินปีงบประมาณ 2563 เพิ่มอีก 2.14 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้ในกรณีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ เพราะมีการคาดว่ารายได้ปีนี้ จะจัดเก็บได้ต่ำกว่า 9% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือ กว่า 3 แสนล้านบาท

ดังนั้น เงินคงคลังอาจจะมีไม่เพียงพอในการใช้จ่ายของประเทศ ซึ่งล่าสุดได้รับรายงานว่าเงินคงคลังเหลือน้อยมาก เนื่องจากไม่มีรายได้ เพราะมีการเลื่อนการยื่นแบบชำระภาษีเงินได้ ทำให้คลังคาดว่าจะเริ่มมีเงินเข้าในช่วงเดือน ก.ย. จึงจำเป็นต้องให้คลังให้เปิดวงเงินกู้ดังกล่าว โดย สบน.จะประเดิมกู้ส่วนแรก 5 หมื่นล้านบาท โดยการออกเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ขายให้ประชาชนทั่วไปในเดือน ก.ย.

“วงเงินกู้ 2.14 แสนล้านบาทที่เพิ่มขึ้น เป็นคนละส่วนการกู้เพื่อชดเชยขาดดุลงบประมาณ 2563 จำนวน 4.69 แสนล้านบาท ซึ่งมีการกู้ไปจนเต็มหมดแล้ว และการกู้เงินเพื่อมาใช้จ่ายกรณีที่รายจ่ายมากกว่ารายได้ในปี 2563 ไม่ได้ทำเป็นครั้งแรกของประเทศ โดยเคยกู้เงินลักษณะนี้ในปีที่ไทยจะวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์มาแล้ว เนื่องจากตอนนั้นรายจ่ายมากกว่ารายได้ที่เก็บได้เช่นกัน”

นางแพตริเซีย กล่าวว่า ตามกฎหมาย คลังสามารถกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณได้ 20% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย บวกกับอีก 80% ของต้นเงินชำระเงินกู้ ซึ่งในปี 2563 จะสามารถกู้ได้ 6.38 แสนล้านบาท ซึ่งการกู้เงินเพื่อชดเชยขาดดุล และการกู้กรณีรายจ่ายมากกว่ารายได้ ดังกล่าว ถือว่าเป็นการกู้เต็มจำนวนตามกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้

ทั้งนี้ การกู้เงินเพิ่มกรณีรายจ่ายมากกว่ารายได้ ไม่ได้ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สาธารณะมีปัญหา โดยล่าสุดอยู่ที่ 45.83% ของจีดีพี และคาดว่าสิ้นปีงบประมาณนี้จะอยู่ที่ 51-52% ของจีดีพี และสิ้นปีงบประมาณ 2564 อยู่ที่ 57-58% ของจีดีพี ส่วนการกู้เงินตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ขณะนี้คลังกู้ไปแล้ว 3.18 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลือคาดว่าจะกู้ในปีงบประมาณ 2564 ตามความต้องการใช้เงินของรัฐบาลในแต่ละโครงการ

สำหรับวงเงินประเดิมกู้ส่วนแรก 5 หมื่นล้านบาท จะทำการจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ 2 รุ่น 2 อายุ 2 ช่องทาง คือ 1.รุ่นวอลเล็ต สบม. ครั้งที่ 2 วงเงินจำหน่าย 5,000 ล้านบาท รุ่นอายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 1.70% ต่อปี จำหน่ายผ่านวอลเล็ต สบม. บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.– 11 ก.ย.2563

2. รุ่นก้าวไปด้วยกัน (Moving Forward) วงเงินจำหน่าย 45,000 ล้านบาท รุ่นอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 2.22% ต่อปี จำหน่ายผ่าน 4 ธนาคารตัวแทนจำหน่าย โดยเปิดการจำหน่ายเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 วันที่ 26 ส.ค. – 3 ก.ย. 2563 ให้บุคคลธรรมดาสัญชาติไทย ไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อราย และช่วงที่ 2 วันที่ 4 – 11 ก.ย.จำหน่ายเป็นการทั่วไป

หน้าแรก 

ติดตามข่าวทาง

Facebookhttps://www.facebook.com/PAKPHRIAONE