หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การอนามัยโลก (WHO) เตือนถึงอันตรายจากการที่ประเทศต่าง ๆ ออกนโยบายฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แบบผสมสูตร ด้านผู้อำนวยการชี้ประเทศร่ำรวยไม่ควรเร่งสั่งจองวัคซีนฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันเข็มที่สาม ในขณะที่ทั่วโลกยังคงขาดแคลนวัคซีนเข็มแรก
ดร. โสมยา สวามีนาธาน หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ประจำองค์การอนามัยโลกเตือนว่า การสร้างภูมิคุ้มกันโดยจับคู่วัคซีนจากผู้ผลิตหลายรายมาผสมกัน ซึ่งหลายประเทศกำลังดำเนินการอยู่นั้น ถือเป็น “แนวโน้มที่อันตราย” เพราะยังมีข้อมูลการวิจัยว่าด้วยการฉีดวัคซีนแบบผสมสูตรอยู่น้อยมาก จนไม่อาจจะทราบได้ว่าจะมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
“การจับคู่ผสมวัคซีนต่างชนิดเข้าด้วยกัน เป็นกระแสความนิยมที่ค่อนข้างเสี่ยง เรายังอยู่ในขั้นที่ปราศจากข้อมูลหลักฐานใด ๆ ที่จะมาสนับสนุนเรื่องนี้”
“สถานการณ์ในอนาคตอาจตกอยู่ในความปั่นป่วนได้ หากประชาชนเริ่มตัดสินใจเองว่าจะฉีดวัคซีนเข็มที่สอง สาม สี่ หรือไม่ อย่างไร และจะฉีดเมื่อใดแน่” ดร. โสมยากล่าว
องค์การอนามัยโลกแถลงเตือนดังข้างต้น หลังจากที่เมื่อวานนี้ (12 ก.ค.) คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติของไทยมีมติเห็นชอบให้ฉีดวัคซีนต่างชนิดร่วมกันได้ โดยผู้ได้รับวัคซีนซิโนแวคเข็มที่ 1 ให้ฉีดเข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า โดยฉีดเว้นระยะห่างกัน 3-4 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา
รายงานล่าสุดขององค์การอนามัยโลกระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดจากทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันแล้ว ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตก็กลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง หลังจากมีแนวโน้มลดลงตลอดช่วง 10 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงนี้มีสาเหตุจากการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา ซึ่งมีต้นกำเนิดในประเทศอินเดียแต่ได้แพร่กระจายไปยังกว่า 104 ประเทศทั่วโลกแล้ว
ด้านนายเทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกได้แถลงด้วยว่า ยังคงมีความไม่เท่าเทียมในการกระจายวัคซีนไปยังประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน โดยตอนนี้ประเทศที่ร่ำรวยเริ่มสั่งจองวัคซีนโควิดเพิ่มเติม สำหรับฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันเป็นเข็มที่สามแล้วหลายล้านโดส ในขณะที่ประเทศรายได้ปานกลางและยากจนส่วนใหญ่ยังคงขาดแคลนวัคซีน โดยไม่มีพอแม้แต่จะฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์แนวหน้าไปก่อน
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกยังระบุว่า บริษัทผู้ผลิตวัคซีนอย่างไฟเซอร์และโมเดอร์นากำลังมุ่งผลิตวัคซีนป้องกันโควิด เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศร่ำรวยที่มีอัตราการได้รับวัคซีนสูงอยู่แล้ว ทั้งที่สองบริษัทดังกล่าวควรจะเข้าร่วมโครงการโคแวกซ์ (COVAX) เพื่อช่วยกระจายวัคซีนไปยังประเทศที่ขาดแคลนอยู่มากกว่า
ดร. โสมยา หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลกยังกล่าวเสริมอีกว่า ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันถึงความจำเป็นของการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม หากได้รับวัคซีนครบโดสพื้นฐานไปเรียบร้อยแล้ว แต่ดร. โสมยาก็ไม่ได้ปฏิเสธถึงความเป็นไปได้ที่อาจต้องฉีดวัคซีนเข็มที่สามกันในวันหนึ่งข้างหน้า
ติดตามข่าวทาง
Facebookhttps://www.facebook.com/PAKPHRIAONE
เรื่องอื่น ๆ
КРАКЕН ОНИОН ССЫЛКА ЗЕРКАЛО DARKNET
КРАКЕН ОНИОН ДАРКНЕТ ССЫЛКА
КРАКЕН ОНИОН ССЫЛКА ЗЕРКАЛО DARKNET