เป็นแม่ไม่ง่าย – ตอน เป็นแม่ต้องใจเย็นๆ

เป็นแม่ไม่ง่าย – “พอมีลูก ห้ามใจร้อน รีบไม่ได้เลย เคยรีบจนทำลูกหล่นตอนอาบน้ำ”

เราเป็นผู้หญิงบ้างานมาก ตั้งแต่จบมาทำงานก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน แฟนที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนเขาก็รู้นิสัยข้อนี้ของเราดี ก็ไม่ว่าอะไร เราโชคดีแฟนน่ารัก เข้าใจ ต่างคนต่างทำงาน ไม่งอแงใส่กัน มีเวลาเมื่อไหร่ค่อยมาใช้ร่วมกัน จนมาวันหนึ่งแฟนสะกิดถามว่า เรื่องแต่งงานไม่แต่งงานนี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าจะมีลูกต้องรีบมีแล้วนะ เพราะเราจะ 35 แล้ว เดี๋ยวถ้าอายุเยอะกว่านี้มีลูกอุ้มท้องจะลำบาก

เราก็ตกใจ เออ จะ 35 แล้วนี่นาทันไหม เพราะจริงๆเราอยากมีลูกนะ แต่ความที่ทำงานเพลิน ลืมไปเลย ตอนนั้นก็ลองปรึกษาพ่อแม่ดู บอกว่า เราคบกันมาสิบกว่าปีแล้ว อยากมีลูกกันแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงาน ขอเอาเงินเก็บไว้รอเลี้ยงลูกแทนเลยได้ไหม ซึ่งพ่อกับแม่เราก็ขำๆ ก็บอก ไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานนานมากแล้ว โชคดีที่สองบ้านคิดตรงกันว่าเก็บเงินไว้รอเลี้ยงหลานดีกว่า งานแต่งเปลืองเปล่าๆ ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่จำเป็น เพราะนี่ก็อยู่ด้วยกันมาจนพ่อแม่ของเราสองคนก็รักเราเป็นลูกเหมือนกันอยู่แล้ว

พอรู้ว่าวางแผนจะมีลูกกันทีนี้ ทางพ่อแม่เราเห่อหนักเลย เริ่มด้วยการขอร้องให้เรากับแฟนย้ายออกจากคอนโดมาอยู่ที่บ้าน จะได้ช่วยกันดูแลหลาน พากันกระตือรือร้นหาอาหารหาอะไรต่ออะไรมาให้เรากับแฟนกิน ให้บำรุงร่างกาย บังคับให้พักผ่อน เราชอบหอบงานกลับมาทำที่บ้านนอนดึกๆหรือบางทีทะลุเช้าทีนี้ก็ห้ามเลย กลับบ้านคือช่วงเวลาของการพักผ่อนเท่านั้น

พ่อเรารีบกั้นห้องเด็ก ตกแต่งห้องเด็กรอ ซื้อของมาแต่งมาเตรียมสนุกสนาน ทำพื้นห้องปูแผ่นรองคลานนุ่มนิ่ม ทำบ่อทรายสะอาดไว้ให้เล่น ใครห้ามก็ไม่ฟัง บอกเขารอหลานมานานมากแล้ว ถ้ารอท้องกว่าจะก่อสร้าง ทาสีเสร็จ หลานจะเหม็นสีอีก

ส่วนแม่เราก็บอกว่าเราต้องปรับนิสัยแล้วนะ เราเป็นคนคิดเร็วพูดเร็วทำเร็ว ก็บอกว่าให้ทำอะไรช้าๆลง พยายามหายใจลึกๆ ช้าๆ พูดช้าๆ เดินช้าๆ พยายามยิ้มเยอะๆ แล้วอารมณ์เราจะค่อยๆเย็นลง เราก็พยายามทำตามแม่บอก

รอลูกเกือบหกเดือน ไม่มาสักที ความใจร้อนของเรา พอมีวันหยุดเราตระเวนเลย พาแฟนไปด้วย ไปไหว้ไปบนทุกที่ที่เขาว่ากันว่าไปขอลูกแล้วจะได้สมหวัง แต่กลับมาก็ไม่ท้องสักทีจนหงุดหงิด แฟนเราขำ บอกคนอื่นเขารอตั้งหลายปีก็ยังไม่มา

น้องสาวเรามีลูกสาว 5-6 ขวบ น่ารักมาก เราก็เชื่อโบราณว่า ลองขอยืมหลานมาเลี้ยงเป้นลูกสองสามเดือน เผื่อมีลูกอิจฉาตามมา น้องเราก็ขำ แต่ก็ให้มา เพราะสนิทกันอยู่แล้ว บ้านใกล้ๆกัน ปรากฏว่า คราวนี้ประจำเดือนขาด เรารีบไปซื้อที่ตรวจฉี่มาตรวจก็ท้องจริงๆ เฮกันทั้งบ้าน.

มาช่วงท้องจริงๆ เนื่องจากเราออกกำลังกายประจำอยู่แล้ว ท้องราบรื่นมาก ช่วง ห้าเดือนแรกท้องแทบไม่นูนเลย แต่ลูกเขาก็โตในท้องปกติดี แพ้ท้องมีบ้างแต่ไม่นาน ไม่เป็นอุปสรรค เราไปทำงานตามปกติจนถึงวันเจ็บท้องคลอด เพราะอยากเก็บวันลาคลอดไว้อยู่กับลูกหลังคลอดให้นานที่สุดมากกว่า

เราลนๆ พยายามเคลียร์งานให้ทัน เพราะกลัวช่วงลาคลอดงานจะติดขัดมีปัญหาเลยเป็นช่วงที่ใจร้อน หงุดหงิดง่ายมากอีก ทุกคนก็พยายามเบรกให้ใจเย็น

พอลูกคลอดออกมาจริงๆ เราออกจากรพ. พาลูกมาอยู่บ้าน จากที่เคยคิดไว้ว่า เออ ช่วงเลี้ยงลูกน่าจะสบายๆ เพราะไม่ได้ทำงาน กลายเป็นว่า เหนื่อยมาก เราไม่เคยเลี้ยงเด็ก เรากังวล ไม่อยากให้คนอื่นเลี้ยง อยากทำเองทุกอย่างทุกขั้นตอน ทำอะไรก็เหมือนขาดๆเกินๆตลอดจนเสียความมั่นใจ

มีครั้งนึงเคยรีบมากจนทำลูกหล่นตอนอาบน้ำ ลูกตุ๋มลงไปในอ่างเลยหน้าจมลงไปเลย ตกใจมาก รีบอุ้มขึ้นมา ลูกผวา สำลักน้ำนิดหน่อยแต่ไม่ร้อง เพราะหล่นไม่สูงมาก แต่เราเป็นฝ่ายร้องไห้เอง กลัวลูกจะเป็นอะไร

หลังจากนั้นเลยปรับตัวเองใหม่ ให้มีสติอยู่ตลอดเวลา หายใจลึกๆ ค่อยๆทำตามลำดับขั้นไปทีละอย่าง พ่อแม่เราที่คอยช่วยดูแลแนะนำเราก็บอกว่า ถ้าเหนื่อยก็ให้พ่อแม่ช่วยดูแลแทนได้

หลานที่เราเคยพามาเลี้ยงทุกวันนี้เราก็ให้เขาเป็นพี่สาวของลูกไปเลย ให้เขาช่วยตั้งชื่อเล่นให้น้องด้วย เขาก็รักน้องมาก เป็นโชคดีของเราอีกเรื่องหนึ่ง

เทียบกับการทำงานที่เราทำปกติแล้ว เราว่าเลี้ยงลูกยากกว่ามาก มันพลาดไม่ได้เลย นอกจากกิจวัตรที่ต้องทำเป็นประจำอย่างเรื่องอาบน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อมลูก ให้นม กล่อม มันยังมีเรื่องยุบยิบอย่างการดูแลความสะอาด ความชื้น ผดผื่น อึแข็ง อึเหลว ลูกป่วยหรือเปล่า การกระตุ้นพัฒนาการลูก ซึ่งเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องใหม่หมดสำหรับเรา

เรามักจะอดกังวลไม่ได้เวลาลูกยังทำอะไรไม่ได้เหมือนเด็กคนอื่นที่วัยเท่ากัน ทำไมยังพลิกไม่ได้ ทำไมยังนั่งไม่ได้ ทำไมยังไม่เริ่มพูดเป็นคำ ซึ่งทั้งหมดนี้พอลูกโตมาจนสามสี่ขวบ เริ่มคุยได้แล้ว เรามาย้อนคิดกลับไป เราว่าปัญหามันอยู่ที่เราใจร้อนซะเยอะ ถ้าอยากแนะนำคุณแม่มือใหม่ท่านอื่นๆก็อยากจะบอกว่า ไม่ต้องเอาลูกไปเปรียบเทียบกับใคร มันจะไม่สบายใจเปล่าๆ และเป็นแม่ต้องใจเย็นๆจริงๆค่ะ

หน้าแรก 

ติดตามข่าวทาง

Facebookhttps://www.facebook.com/PAKPHRIAONE